4 สูตรหน้าใส ทำได้ด้วยตัวเอง

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลไม่ปลอกเปลือกสัก ครึ่งผล ปั่นให้ละเอียด พอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่น พอละเอียดได้ที่ก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพอกชโลมให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก 3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน เตรียมโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็ก สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วนำพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก 4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ ผสมโยเกิร์ต 1 ถ้วย กับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ถูเบาๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี

15 นิสัยทำลายผิว

แต่ละคนจะมีนิสัยบางอย่างที่ค่อนข้างส่งผลต่อสุขภาพ คนส่วนใหญ่มักไม่ได้ตระหนักถึงนิสัยที่ไม่ดีพวกนี้ ซึ่งเป็นการทำลายผิวและวัยของคุณ มาดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง

1. ไม่ปกป้องผิวจากแสงแดด

ทางที่ดีที่สุดในการหลักเลี่ยงผิวแห้งและริ้วรอย คือ คุณต้องปกป้องผิวจากแสงแดด คุณจำเป็นต้องใช้ spf  30 เป็นอย่างน้อย ดีกว่าที่จะใช้ 50 หรือ 60 สำหรับผิวหน้า ควรดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถป้องกันรังสี uva และ uvb ได้ คุณควรทาครีมกันแดดให้เป้นนิสัย ไม่ใช่แค่ตอนอยู่ทะเลแค่นั้น แต่คุณต้องทาเมื่อคุณต้องออกจากบ้าน

คุณควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 20 นาที ถ้าคุณเชื่อตามทฤษฎี ก็ควรทาซ้ำทุก 2 ชม. แต่ถ้าคุณทำงานในออฟฟิศก็ควรทาก่อนกลับบ้านอีกครั้ง เพราะแดดในตอนเย็นก็ทำลายผิวได้ ในทางเดียวกันคุณถ้ากลับบ้านโดยรถยนต์ก็ควรทาก่อนกลับด้วย และอย่าลืมทาลิปกันแดดด้วย ถ้าคุณชินกับการใช้ลิปกลอส ควรใช้อย่างน้อย spf 20

ถ้าทำตามทั้งหมดนี่อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่คุณต้องคิดว่า ถ้าไม่ทำริ้วรอยมาเยือนไวแน่ๆ และเชื่อได้แน่ว่า คุณไม่อยากจะรู้ผลเสียของการไม่ป้องกันผิวจากแสงแดดหรอก ดังนั้น ป้องกันผิวของเราเป้นสิ่งสำคัญ

2.สูบบุหรี่

ถ้าคุณเป็นพวกเสพติดบุหรี่อยู่เป็นนิจ ก็คงต้งบอกลามันได้แล้วล่ะ ลองมาดูเหตผลที่ต้องบอกลากันดีกว่า: การสูบบุหรี่ทำให้คุณมีริ้วรอยลึกและหน้าหมอง จากการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร"ศัลยกรรมตกแต่ง" ผู้ที่สูบบุหรีมาเป็น 10 ปี หน้าจะแก่กว่าเดิมมากว่า 2 ปีครึ่ง

3. ดื่มแอลกฮอล์มากเกินไป

การดื่มคอกเทลล์มากกว่าวันละแก้วสามารถทำลายผิวคุณได้ แอลกฮอล์เป็นตัวเพิ่มตัวการให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด เฟดดริค แบรนด์ แพทย์ผิวหนังกล่าวว่า “เป็นตัวเร่งกระบวนการทำให้ไม่เต่งตึง หย่อนคล้อย”

4. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิวตัวเอง

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิวตัวเองถือเป็นความผิดพลาด เลสลี่ บอว์แมนน์ แพทย์ผิวหนังในไมอามี่และผู้แต่งหนังสือเรื่อง The Skin Type Solution กล่าว สิ่งที่คุณต้องทำ คือ คุณต้องรู้ว่าผิวของคุณเป็นผิวแบบไหน และซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

5. ไม่ให้ความสำคัญกับคอและหน้าอก

การดูแลผิวไมได้จบแค่ที่คาง “มีหลายส่วนภายในร่างกายที่สัมผัสกับแดดและไม่ได้รับการดูแล ปกป้องในระดับเดียวกันกับที่ผิวหน้าได้รับ ผิวในส่วนนั้นค่อนข้างละเอียดอ่อนและเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของผิว” โฮวาร์ด เฟนน์ แพทย์ผิวหนังกล่าว

สิ่งที่คุณต้องทำในครั้งต่อไป: เวลาทาครีมหรือกันแดด ไม่ว่าเช้าหรือกลางคืน และแม้จะขัดผิว อย่าลืมใส่ใจผิวบริเวณนี้ด้วย เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญ

6. ไม่ตรวจสอบสภาพผิวของตัวเอง

จากสถิติของมะเร็งผิวหนังในปี 2004 พบว่า มีผู้เป็นมะเร็งผิวหนังมากขึ้น 50% ซึ่งมากว่าในปี 1980 ดังนั้น คุณควรได้รับการตรวจจากแพทย์ผิวหนังอย่างน้อยปีละครั้ง อย่าลืมที่จะตรวจสอบสุขภาพผิวของคุณ แล้วถ้าคุณรู้สึกแปลกๆ หรือมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรไปพบแพทย์ผิวหนังทันที ทบริเวณที่ผิวมักเกิดปัญหามักจะไม่ค่อยได้รับการสังเกตเท่าที่ควร นั่นก็คือ ผิวที่มีผมปิดอยู่, ฝ่าเท้าและผิวหนังที่อยู่ใต้เล็บ

7. ใช้แปรงแต่งหน้าสกปรก

ถ้าคุณไม่ทำความสะอาดแปรงอย่างน้อย 2 อาทิตย์ 1 ครั้ง คุณจะเสี่ยงกับการติดเชื้อทางผิวหนัง และรุขุมขนขยายใหญ่ ควรใช้แชมพูในการทำความสะอาดแปรง

8. คุยโทรศัพท์ตลอดเวลา

คุณทำความสะอาดมือถือบ้างไหม มือถือคุณแนบอยู่กับแก้มและคางเป็นสาเหตุให้หน้าเป็นเม็ด ยิ่งถ้าคุณเป็นคนคุยเก่ง ควรจะซื้อบลูทูธมาใช้แทน

9. สครับหน้ามากเกินไป

ถ้าสครับบ่อยเกินและทำความสะอาดรุนแรงกินไปอาจจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิว แล้วก่อให้เกิดการระคายเคือง ทางที่ดีควรสครับหน้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อผิวจะได้พักบ้างและซึมซับครีมได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง

10. นอนดึก

สาเหตุของโรคต่างๆ นาๆ รวมทั้งการเกิดสิว เกิดจากการขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ทำให้เกิดการเครียด ดังนั้นคุณควรจะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะขณะที่คุณหลับร่างกายก็จะได้รับการฟื้นฟู ถ้าคุณอดนอน ริ้วรอยความแก่ก็จะมาเยือนอย่างหลีกหเลี่ยงไม่ได้

11. ไม่ทำความสะอาดหน้าก่อนเข้านอน

ถ้าคุณมักทำแบบนี้เป็นประจำ ก็จงรู้ไว้เถิดว่ากำลังทำร้ายผิวอย่างรุนแรง นอกเหนือจากที่มันจะก่อให้เกิดสิว ในเวลากลางคืนอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้นเล็กน้อย ผิวก็ดูดซับสิ่งที่บนใบหน้า ในกรณีที่คุณไม่ล้างหน้ามันก็จะดึงเอาพวกเมคอัพต่างๆ เข้าสู่ผิวแทนที่จะเป็นครีมที่เต็มไปด้วยสารอาหารบำรุงผิว ดังนั้น คุณควรให้ความใส่ใจในการล้างหน้าดูแลผิวเป็นพิเศษ เพราะผิวคุณจะได้ดียิ่งๆ ขึ้นๆ ไป เพียงแค่กลับบ้านคุณใช้เวลาเพียง 20 นาทีต่อวันในการปรนนิบัติ ทุกวันก็จะกลายเป็นนิสัยแล้ว

พึงระลึกไว้ว่า การล้างหน้าอย่างเดียวนั้นไม่พอ คุณต้องให้การบำรุงผิวหน้า และดวงตาด้วย

12. ทานอาหารขยะ

สภาพผิวมักจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทานเข้าไป ดังนั้น อย่าคิดว่าอาหารไม่สำคัญกับผิว เพราะมันส่งผลต่อผิวโดยตรง ง คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ทานยังไงได้อย่างนั้น มันเป็นความจริงที่ไม่มีใครปฎิเสธได้ เชื่อเถอะค่ะว่าถ้าทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ผิวคุณก็จะดีด้วย แต่ถ้าคุณชอบทานอาหารจยะประจำ ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตไขมันออกมามากกว่าเดิม ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิว ฉะนั้น ปรับปรุงนิสัยการทานกันดีกว่าเพื่อการมีผิวที่ดีค่ะ

13. บีบ แคะ แกะสิว

การบีบ เค้น แคะ แกะสิว เป็นการกระตุ้นให้เชื้อโรคเข้าไปสู่ผิวลึกยิ่งขึ้น อาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือรูขุมขนกว้างขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเลิกทำแบบนี้ดีกว่า หันมาใช้ยาแต้มสิว ค่อย ๆ แต้มแล้วรอเวลาให้มันยุบเองดีกว่านะ

14. ไม่ชอบออกกำลังกาย

ข้อนี้คิดว่าสาวๆ หลายคนคงเหมือนถูกแทงใจดำแน่ๆ เพราะถึงจะรู้กันดีว่ามันมีประโยชน์ แต่ก็มีหลายคนพากันส่ายหน้าหนี แต่หลายคนคงเคยได้ยินกันว่า สาวๆ ที่รักการออกกำลังกายมักจะมีผิวดี หุ่นดี ดังนั้น

มาลองปรับให้ร่างกายเคยชินกับการออกกำลังกายกันดีกว่า เพิ่มมันให้เป็นหน้าที่ที่ร่างกายต้องทำ รับรองว่านอกจากจะโรคภัยจะเบียดเบียนได้ยากแล้ว สุขภาพผิวคุณจะดีขึ้นและทำให้คุณดูอ่อนวัยด้วย

15. ใช้เครื่องสำอางมากเกินไป

 เครื่องสำอางที่ว่านี่นับตั้งแต่ครีมบำรุงผิว ไปจนถึงเมกอัพเลยล่ะค่ะ ซึ่งเครื่องสำอางเหล่านี้อาจจะช่วยบำรุงผิวคุณก็จริง แต่อะไรที่มากจนเกินพอดีก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ทางที่ดีควรใช้ครีมบำรุงผิวไม่เกิน 3 ตัวก็พอ เลือกที่เหมาะกับสภาพผิวและสามารถบำรุงผิวหน้าของคุณได้จริง ๆ แค่นี้ก็พอและ

ผิวนุ่มและละเอียดทำได้ง่ายๆ

คุณสามารถมีผิวเนียนอย่างลูกพีชได้ด้วยวิธีธรรมชาติ โดยก่อนอาบน้ำผสมเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเปล่าพอประมาณ แล้วนำมาขัดผิวกาย จากนั้นอาบน้ำทำความสะอาดแล้วชโลมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ การขัดผิวด้้วยเบกกิ้งโซดา จะทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นแล้วเนียนขึ้น

คืนความกระจ่างใสให้กับผิวทุกช่วงวัย

ผิวของคุณจะทนกับรังสีอัลตราไวโอเลตหรือการทำลายผิวจากครีมชุดรักษาผิวหน้าหรือการแต่งหน้าได้ขนาดไหน

มันถึงเวล่าแล้วสำหรับการคืนความกระจ่างใสให้แก่ใบหน้าของคุณในทุกช่วงวัย

20 ปี - ผิวอาจได้รับผลกระทบหลังจากที่อยู่ในช่วงฤดูร้อน แดดแรงมากเกินไป เพื่อความสยบปัญหาเหล่านี้คุณสามารถใช้มาส์กองุ่นสีเขียว (มีรสฝาด) และน้ำผึ้ง (ผ่อนคลายและบำรุงผิว แถมยังกระตุ้นการเผาผลาญ)

30 ปี - ใช้แตงกวาสามารถสำหรับผิวมัน หั่นชิ้นแตงกวาผสมกับน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะและนำทาบนใบหน้า หากคุณรู้สึกผิวเหนื่อยล้าและแห้ง ให้มาส์กด้วยเบียร์ 1 ช้อนโต๊ะ และผสมกับน้ำมะนาวสดครึ่งช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน สูตรนี้อ่อนโยนกับผิว และทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก

60 ปี - ชวงอายุนี้ต้องการมอยส์เจอร์ไรเซอร์อุดมไปด้วยวิตามินเอ คุณสามารถใช้มาส์กกล้วย โดยจะผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะและน้ำมะนาวสดครึ่งช้อนโต๊ะ

เพียงเท่านี้คุณจะได้รับความกระจ่างใสคืนกลับมา

ขาวเนียนนุ่มด้วยนมผง

อยากมีผิวเนียน นุ่มดั่งตูดเด็ก ไม่ใช่เรื่องยาก วันนี้ขอนำเสนอสูตรสครับผิวหน้าแบบเบาๆ (สครับผิวอย่างเบาๆ) ด้วยนมผงเด็กค่ะ

อุปกรณ์มีอย่างเดียวนะคะ นมผง

เริ่มแรกเราก็ทำให้หน้าเปียกหน้า ตักนมผงผสมน้ำในถ้วยหรือจะผสมในมือเราเองเลยก็ได้ค่ะ แต่ไม่ต้องใช้น้ำเยอะนะคะ เอาแค่ข้นๆ แล้วมาถูหน้าเบาๆ ไม่ต้องนานค่ะ เสร็จแล้วทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างหน้าให้สะอาด อ่อ อย่าลืมบำรุงผิวด้วยนะคะ

เพียงเท่านี้คุณก็จะผิวที่เนียนนุ่มได้ไม่ยากค่ะ

สูตรพอกหน้า

พอกหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและมีใบหน้าที่ขาวขึ้น สดใส เปล่งแล่ง นุ่มเนียน

1. พอกหน้าด้วยโยเกิร์ต
พอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ผลที่ได้หน้าจะนุ่มขึ้น ทำเป็นประจำ หน้าจะขาวขึ้น

2. พอกหน้าด้วยนม
พอกทิ้งไว้เหมือนข้อหนึ่ง หน้าจะนุ่ม

3. พอกด้วยนทเปรี้ยว
เช่น ยาคูลท์ ผลที่ได้หน้าขาวขึ้น ยิ่งทำเป็นประจำจะเห็นชัด

4. พอกด้วยมะละกอ
ยีมะละกอให้เละ ผลที่ได้รับจะช่วยลดจุดด่างดำ

สิวฝ้าขึ้นหน้า

สำหรับผู้ที่เป็นสิวฝ้าขึ้นหน้า จะมีวิธีรักษาโดยธรรมชาติได้อย่างไร

คำตอบ :โดยทานหอมหัวใหญ่มาก ๆ

เหตุผล :    เพราะหอมหัวใหญ่นั้นมีวิตามินซีและบี อยู่มากมายและยังช่วยไล่ฝ้าและกระ ให้จางลงได้ แต่คุณต้องรู้จักดูแลรักษาความสะอาดใบหน้าของคุณด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมี วิธีใช้ทาอีกด้วย วิธีทำมีดังต่อไปนี้

1. สับหอมหัวใหญ่ให้ละเอียด
2. แช่ลงในเหล้าไวน์ ประมาณ 10 วัน
3. กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำออกมา
4. ใช้ทาเหมือนโลชั่น
5. ใช้ไม่หมดควรเก็บไว้ในตู้เย็น

วิธีแก้ปัญหาหน้ามัน

วิธีนี้แสนจะง่ายและปราศจากผลข้างเคียง ลองมาทำกันดูนะคะ

1. นำสตรอเบอร์รี่ 2 ลูกล้างให้สะอาด แตงกวา 1 ลูกล้างให้สะอาด

2. นำมาใส่เครื่องปั่นผสมกันให้ละเอียด

3. แล้วนำมาพอกหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและรอบปาก ประมาณ 20 นาที

4. เสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ

สูตรลับหน้าขาว

ส่วนผสมมีดังนี้

1.มะขามเปียก
2.นมสด
3.น้ำผึ้ง

วิธีทำ - ผสมน้ำมะขามเปียก นมสด และน้ำผึ้ง (ใส่นมสด และน้ำผึ้งแค่ครึ่งหนึ่งของน้ำมะขามเปียก) จากนั้นตั้งไฟอ่อนๆ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น เป็นอันว่าเสร็จแล้วค่ะ

วิธีเก็บรักษา - ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วแช่ในตู้เย็น สามารถ เก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการเลยค่ะ

วิธีใช้ - ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมมะขามเปียกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือนานเท่าใดก็ได้ ตามใจผู้ใช้ แล้วล้างออกตามปกติ

ข้อควรระวัง - หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้

ข้อพึงกระทำ - ถ้าต้องการให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรทาครีมมะขามเปียกในขณะที่ครีมเย็น หรือเพื่งจะเอาครีมออกจากตู้เย็น เพราะความเย็นจะทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าก็จะเรียบขึ้น มีหน้าขาวอย่างชื่อสูตรค่ะ

สูตรหน้าใส

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า
ให้ท่านล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก



2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส 
ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก



3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
นำโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก



4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้านั้นเอง

สูตรผิวขาว ใส

วันนี้เสนอ 5 สูตร เพื่อผิวขาว ใส

สูตรที่1

ส่วนผสม 1.น้ำผึ้งประมาณ 6 ช้อนชา 2.มะขามเปียก(ไม่ต้องเอากากนะ) 3.นมจืด 6 ช้อนชา
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งสามมารวมกัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที
ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

***********************
สูตรที่2

ส่วนผสม 1.ไข่ไก่ 2-3ใบ(เอาแต่ไข่แดง) 2.มะนาว 2 ช้อนชา
วิธีทำ นำไข่แดงมาผสมกับน้ำมะนาวตีให้เข้ากันทาทิ้งไว้ 5-10 นาที
ทาครีมบำรุงเพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื่นด้วยจ้า ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

************************
สูตรที่3.

ส่วนผสม 1.หัวไซเท้า
วิธีทำ ปอกเปลือกหัวไซเท้าแล้วล้างออก ฝานบางเฉียบแล้ววางลงบนใบหน้า
ทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

**************************
สูตรที่4
ส่วนผสม 1.แอปเปิ้ลแดง(ไม่ปอกเปลือก) 2.นมสด
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้ง 2 อย่างมารวมกันดูปริมาณที่สมดุลกัน
แล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ 2 นาที แล้วล้างออก
ทำอ่ทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

****************************
สูตรที่5
ส่วนผสม 1.มะเชือเทศ 2.แตงกวา
วิธีทำ นำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียดแล้วมาทาบนใบหน้า เอาแตงกวามาแปะตาไว้จะได้ไม่เป็นหมีแพนด้า

บำรุงดวงตาด้วยวิธีง่ายๆ ราคาประหยัด

ปกติพูดถึงใบหน้า ผิวขาว ผิวเนียน วันนี้จะมาพูดถึงวิธีดูแลดวงตาแบบง่ายๆ ค่ะ

มีวิธีง่ายๆที่สามารถทำได้เองไม่ยากเลย ดังนี้

1.พักดวงตา โดยใช้ใบชาซึ่งมีตัวยาที่จะช่วยให้ดวงตาได้พัก และหล่อเลี้ยงความเย็นเข้าไปได้ ถ้าเป็นใบชาที่ห่อไว้ในผ้าบาง และมีด้ายผูกดึงออกมา ให้อุ่นถุงใบชานั้นแล้วนำมาปิดที่ดวงตาทั้งสองข้าง ในราว 2-3 นาทีจึงเอาออก

2.ตาบวม มีวิธีแก้ไขคือบดมันฝรั่งประมาณ 4 ช้อนชา แล้วประคบบนเปลือกตาและบริเวณรอบๆราว 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น

3.รอยช้ำใต้หนังตา ชงน้ำชารสเข้มๆสัก 7 ถ้วย แช่แผ่นผ้าขาวลงในถ้วยน้ำชานั้นก่อนนำมาประคบเปลือกตา รอยช้ำนั้นจะค่อยๆหายไป

4.รอยเส้นใต้ขอบตา แช่ผ้าเช็ดหน้าโปร่งบางลงในน้ำชารสเข้มแล้วผึ่งให้หมาดเล็กน้อย ก่อนนำมาลูบไล้บริเวณรอบดวงตาและที่รอยเส้น ประคบไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงเปิดออก 

ลบรอยแผลที่เกิดจากสิว

วันนี้ขอเสนอสูตรสำหรับแก้ปัญหารอยแผลที่เกิดจากสิว
1. ใช้สตอเบอร์รี่สดปั่นละเอียด พอกหน้า ครึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 ครั้งประมาน3 สัปดาห์ หรือ 6 ครั้ง ก็เห็นผล

2.สำหรับคนที่เป็นสิว
วิธี ใช้ผงวิเศษกับมะนาวผสมกันอาจเจือจากน้ำบริสุทธิ์ 5 หยด ผอกหน้าตอนนอนจนถึงเช้าครับ ทำวันเว้นวัน หรือ สัปดาห์ล่ะ 3 ครั้ง หน้าจะใสขาวและหมดปัญหาสิว

3.สำหรับคนที่เป็นสิว/หน้ามัน
วิธี นำมะนาว 2 ช้อนชาผสมน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ เช็ดหน้าหลังล้างหน้าแล้วโดยใช้สำลีจุ่มเช็ดทำสัปดาห์ล่ะ 2-3 ครั้ง หน้าจะหมดอาการมันและขาวใส

4.สำหรับคนหน้ามันใช้แตงกวาปั่นแล้วคั้นน้ำโดยใช้ผ้าชาวบางแยกเปลือกออก พอกหน้า 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำปล่าว หน้าจะหมดอาการมัน 

แก้รอยย่นบนผิวหน้า ด้วยตัวเอง

วันนี้จะมาพูดถึงวิธีแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าชนิดต่างๆ 

ถ้าผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะอดนอน ให้ใช้ไข่ขาวนวดให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างด้วยน้ำอุ่น เมื่อผัดหน้าจะเต่งตึง ถ้าเริ่มมีคางสองชั้น ใช้ปลายนิ้วกดลงเบาๆบนใบหน้าจากบริเวณคางไปยังแก้ม แล้วนวดด้วยปลายนิ้วให้ทั่วหน้า ทำอาการหยิกเบาๆคล้ายนกจิก แล้วตบคางด้านล่างเบาๆ ออกมาถึงปลายหู

ถ้ามีริ้วรอยสองข้างมุมปาก ใช้นิ้วมือนวดเบาๆ ลูบขึ้นไปจากรอยลึกระหว่างจมูกและมุมปาก ผ่านมุมปากไปสิ้นสุดลงสองข้างจมูก นวดและลูบจากล่างไปหาบน

ถ้าบริเวณหน้าผากที่ย่นมีริ้วรอย นวดเบาๆจากบนคิ้วขึ้นไปหาเนินผม แล้วค่อยๆนวดคลึงตามรอยย่นใช้วิธีกดลงไปเรื่อยๆ จากกลางหน้าผากออกไปหาขมับ

ถ้าบริเวณเปลือกตาบวม ใช้นิ้วชี้แต่ละข้างวางลงบนหัวตาใต้คิ้ว ค่อยๆเลื่อนปลายนิ้วชี้ผ่านไปเบาๆ โดยปรือตาลงเล็กน้อย

ถ้ามีถุงใต้ตา ให้กดด้วยปลายนิ้วลงบนถุงใต้ตาเพียงเบาๆ จากหัวตาออกไปหาขมับทั้งสอง

ถ้ามีรอยตีนกา ให้ใช้ปลายนิ้วชี้คลึงเบาๆ วนรอบหางตาบนรอยตีนกานั้น 

ผิวขาวเนียนด้วยมะขามเปียก

วันนี้จะมาเสนอสูตรการขัดผิวให้ขาว เนียน นุ่ม ด้วยมะขามเปียกค่ะ ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็พอค่ะ ทำบ่อยเดี๋ยวผิวบางได้

อุปกรณ์
มะขามเปียก
นมสดหรือโยเกิร์ต

วิธีทำ
ผสมมะขามเปียกกับนมสดหรือโยเกิร์ตเข้าด้วยกัน เวลาใช้ เราก็อาบน้ำตามปกติ เสร็จแล้วนำส่วนที่ผสมกันแล้วมาทาตัว แล้วขัดถูทั้งตัว ทิ้งไว้ 5-10 นาที เสร็จแล้วล้างออก

เมื่อใช้สูตรนี้เพื่อนๆ อย่าลืมบำรุงกันให้มากหลังจากขัดตัวนะคะ และที่สำคัญ อย่าลืมทากันแดด ไม่งั้นอาจคล้ำกว่าเดิมได้ค่ะ

ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ผิวนุ่ม เนียน ขาวขึ้น แต่ต้องขยันทำ ห้ามขี้เกียจนะคะ

ทานอาหารเพื่อผิวพรรณ

ถ้าพูดถึงเรื่องความสวยความงาม ปกติเราจะใส่ใจกันที่ความงามภายนอก เช่น การดูแลผิวกายหรือผิวหน้าแต่วันนี้จะขอพูดถึงความงามจากภายใน โดยเน้นที่การรับประทานเพื่อบำรุงผิวพรรณค่ะ มาดูกันดีกว่าค่ะว่า ผลไม้หรือผักชนิดไหนช่วยบำรุงผิวกันบ้าง

1. ผลไม้ตระกูลส้ม ในส้มนั้นมีประโยชน์มากมาย มีวิตามินซี นอกจากช่วยให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ยังมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้อ่อนวัยอยู่เสมอด้วยค่ะ แถมยังช่วยระบายด้วย

2. อะโวคาโดสุก ถือเป็นนักดักจับอนุมูลอิสระตัวเก่ง ช่วยผิวให้เรียบเนียน นอกจากนี้เมื่อไหร่ที่คุณดูโทรม หน้าหมองเหมือน จำไว้เลยค่ะว่า "อะโวคาโด ช่วยเราได้ " อะโวคาโด มีส่วนผสมทั้งวิตามินซี อี และเบต้าแคโรทีน ช่วยต่อต้านรังสียูวีจากแสงแดด ทานได้ทุกว่าจะดีมาก เพราะช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร

3. ผักกาดหอม เต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีน มีส่วนผสมทั้งกรดโฟลิกและลูทีน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เมื่อทานเข้าไปเยอะๆ ผิวจะเรียบเนียนขึ้น

4. กะหล่ำปลี อุดมไปด้วยวิตามินเอ, ซีและเบตาแคโรทีนที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ 

5. มะนาว เต็มไปด้วยวิตามินซี ที่มีประโชน์ต่อผิว

6. กีวี มีวิตามินซี มีประโยชน์ต่อผิวโดยช่วยในการสร้างคอลลาเจน

7. เนื้อปลา เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งมีสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย

8. มะเขือเทศ ช่วยป้องกันผิวจากรังสิยูวี

ไม่ใช่เพียงแค่นี้ ผักผลไม้ยังมีอีกมากมายที่ช่วยบำรุงผิวค่ะ เพื่อนๆ อยากบำรุงด้านไหน ก็เลือกทานกันนะคะ แต่อย่าลืมว่า จะบำรุงแค่ภายนอกไม่ได้นะคะ ต้องทานของที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงจากภายในสู่ภายนอกด้วยค่ะ

วิธีรักษาสิวให้หาย ตอน 2

ดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาสิว

การดื่มน้ำมะนาวถือได้ว่าเป็นการรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ นอกจากนี้ยังช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย ดื่มง่าย และทำได้ง่าย

ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ :

-ขจัดกรดต่าง ๆ ที่ตกค้างออกไป เพราะน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ (วิตามินซี, โพแทสเซียม)

-บรรเทาอาการท้องผูก

-ทำความสะอาดตับด้วยกรดซิตริก และสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือด

-ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร

-กำจัดนิ่วในไต และตับอ่อน

การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว

2.เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)

3.ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน

การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 2

1.บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)

2.ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า

3.หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย

วิธีรักษาสิวให้หาย ตอน 1

น้ำมะนาว รักษาสิวได้ เป็น "วิธีธรรมชาติ" หาได้จากในครัว

ใช้น้ำมะนาวเพื่อบรรเทาหรือรักษาสิว เป็นวิธีทางธรรมชาติในการรักษาสิวที่ง่ายและปลอดภัย
สามารถใช้ได้ทั้งทาบนผิวและดื่ม ทั้งสองวิธีจะช่วยลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นทั้งภายนอกและภายใน

ได้มีทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้ว (ทาโดยตรงบนผิวหน้า และดื่ม) และพบว่าภายใน 3 สัปดาห์ สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าการผสมน้ำมะนาวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน จะช่วยให้ผลเร็วขึ้น

ทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิว

น้ำมะนาวมีกรดผลไม้ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น สดใสด้วย

สูตรน้ำมะนาว / วิธีใช้

1.ล้างหน้าให้สะอาด

2.บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป

3.ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง

4.ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ)

5.หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


คราวหน้าจะมาต่อเรื่องดื่มน้ำมะนาวรักษาสิวค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ

วิธีกำจัดสิวอย่างได้ผล

เชื่อว่า มีหลายคนที่เบื่อหน่ายกับการเป็นสิว ยิ่งวันไหนต้องออกนอกบ้านไปพบหน้าประชาชีทั้งหลายแล้วด้วย วันนั้นคงจะเซ็งสุดๆ กันเลยทีเดียว วันนี้เราเลยมีวิธีที่กำจัดสิวออกไปจากหน้าคุณอย่าเร่งด่วน จะมาแนะนำกันค่ะ

1. ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น คุณไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารเคมีรุนแรงหรือราคาแพงในการกำจัดสิวเลย แค่คุณใช้น้ำอุ่นล้างหน้า หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตามปกติ น้ำอุ่นจะเป็นตัวช่วยเปิดรูขุมขนและทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่ในรูขุมขน ทำให้สิวหายได้เร็วขึ้น

2. หลีกเลี่ยงคาเฟอีน เช่น พวกชา กาแฟ เพราะคาเฟอีนทเหล่ายนี้เป็นตัวทำให้ผิวคุณระคายเคืองได้ และทำให้สิวหายได้ยากขึ้น แถมยังทำให้ผิวคุณดูโทรม หมองอีกด้วยนะ

3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ ผิวจะสุขภาพดีได้  ล้วนมาจากภายใน ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วนั้นดีต่อผิวมากๆ ทำให้ผิวคุณดูเปล่งปลั่งสดใส และถ้าหากคุณดื่มน้ำเยอะๆ จนเป็นนิสัยแล้ว เชื่อได้เลยว่า เจ้าสิวทั้งหลายไม่กล้ากลับมาย่างกรายอย่างแน่นอน

4. ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีซาลิไซลิด เอสิด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีขายมากมายตามท้องตลาดเลย สารตัวนี้จะช่วยกำจัดสิวให้หายไปจากใบหน้าคุณเร็วขึ้น และจะให้ดี แม้ใบหน้าจะหายจากสิวแล้ว ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีซาลิไซลิดเอสิดล้างหน้าทุกวัน จะเป็นการป้องกันไม่ให้สิวกลับมาได้

5. หลีกเลี่ยงลมแรง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดพัดลมเป่าใบหน้า หรือจะนั่งมอเตอร์ไซค์ก็แล้วแต่ เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองภายในอากาศปะทะกับใบหน้า และเข้าไปอุดตันบนใบหน้าได้อย่างง่ายๆ

6. ห้ามเครียด เพราะความเครียดนอกจากจะทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัยแล้ว ยังทำให้หน้าเป็นสิวได้ง่ายๆ อีกด้วยนะ

7. ไม่ควรแต่งหน้าจัด เพราะจะทำให้เครื่องสำอางเข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ง่ายมากขึ้น  เรียกได้ว่า ยิ่งแต่งหน้าจัดเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผิวหน้าหายใจไม่ออกมากเท่านั้น ดังนั้น ควรแต่งหน้าบางๆ ดีกว่าค่ะ

8. รัดผม เพราะการรัดผมนั้น ไม่ว่าจะทรงอะไรก็ตาม นอกจากจะทำให้เจ้าผมไม่มากวนใจเราแล้ว ยังทำให้มันไม่มาสัมผัสบนผิวหน้าของเรา จนทำให้ฝุ่นละอองในผมมาทำให้หน้าเป็นสิวได้อีกด้วย

9. หยุดพฤติกรรมการจับหน้า ไม่ว่าจะเท้าคาง หรือเอามือขึ้นมาจับแก้มตัวเองก็ตามที เพราะในแต่ละวัน มือของคุณไปโดนอะไรมามากมายเยอะแยะ ดังนั้นควรหยุดพฤติกรรมแบบนี้ซะดีกว่า เดี๋ยวสิวจะมาหาเอาง่ายๆ นะ หรือหากใครเป็นสิวอยู่แล้ว รับรองว่า สิวหายยากแน่นอนเลย

10. ใช้ครีมแต้มสิว เพื่อเป็นการสมานแผลที่เกิดจากสิว และทำให้สิวยุบตัวเร็วค่ะ

แค่ 10 ขั้นตอนง่ายๆ แค่นี้ก็สามารถทให้คุณหายหงุดหงิดเรื่องสิวกันได้แล้วนะคะเพียงแค่คุณปฏิบัติตามข้างต้นนี้ รับรองว่าผิวหน้าคุณจะห่างไกลไร้สิวไปอีกนานค่ะ

ครีมพอกหน้าลบรอยย่นสูตรเด็ด

ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมราคาแพงเลย เพียงผสมแป้งข้าวเจ้า กับนมระเหยผสมกันพอเป็นแป้งเปียกข้นๆ ทาหน้าและทิ้งไว้จนแห้ง ก็จะแข็ง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ส่องกระจกดูจะเห็นว่าหน้ากลี้ยงเกลา ใส 

สูตร ลดรอยจุดด่างดำบนใบหน้า

จุดด่างดำบนใบหน้าเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์มาบ้าง แล้วก็หงุดหงิดว่าทำอย่างไรมันถึงจะหายไปจากหน้าได้ จุดด่างดำเหล่านี้เกิดหลังจากเป็นสิว แล้วก็เป็นสาเหตุให้ใบหน้าไม่ผ่องใส เหมือนเป็นรอยมลทินื ทำให้บนใบหน้ามีจุดด่างพร้อย แต่ต่อจากนี้คุณจะไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะมีวิธีที่จะเร่งให้รอยดำเหล่านั้นจางออกไปจากใบหน้าได้เร็วขึ้นดังนี้

อุปกรณ์
1. มะเขือเทศ 1 ผลใหญ่
2. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา

วิธีทำ
นำมะเขือเทศมาคว้านเอาแต่เนื้อ ทิ้งเปลือกไป นำเนื้อที่ได้มาบดให้ละเอียด แล้วใส่น้ำผึ้งลงไปคลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออก

ผลลัพธ์
รอยจุดด่างดำจะค่อยๆจางลง เพราะมะเขือเทศมีกรดผลไม้ที่จะค่อยๆผลัดเซลล์ผิว น้ำผึ้งจะช่วยให้ผิวหน้าไม่แห้งตึง

หน้าใสด้วยของก้นครัว

ปรนนิบัติผิวหน้าให้อ่อนวัยด้วยส่วนประกอบที่หาได้ไม่ยากจากตลาดหรือของจากก้นครัว

-ทาวุ้นจากว่านหางจระเข้ทุกวันหลังจากตื่นนอนตอนเช้า และก่อนนอน สำหรับผู้ที่มีใบหน้าแห้งมาก ให้ผสมน้ำมันมะกอก หรือครีมทาหน้ากับว่านหางจระเข้

- นำใบบัวบกสดๆ มาปั่น จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกที่ได้มาพอกไว้บนหน้า ประมาณ 15 นาที ทำทุกวันก่อนนอน ช่วยชะลอความแก่ รักษาแผลเป็น ใบบัวบกช่วยในการสร้างเนื้ออ่อนขึ้นมาได้ และลดการอักเสบ

- ใช้มะขามเปียกหนึ่งกำมือ เอารกออก ล้างหน้าให้สะอาด ผสมกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะ ขยำให้เข้ากัน นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วเติมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาทาหน้า ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างน้ำออก ควรทำวันละครั้งก่อนนอน

หน้านุ่ม เด้งดึ๋ง

สูตรนี้จะทำให้หน้านุ่มมาก ผิวหน้ารู้สึกเต่งตึง เด้งดึ๋ง

อุปกรณ์
นมสดรสจืด
สำลี


วิธีทำ
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเอานมชุบสำลีทาให้ทั่วหน้า นวดให้ซึมลงผิว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จากนั้นก็ลงครีมตามปกติ

มีอีกวิธีค่ะสำหรับคนที่มีเวลาไม่มาก แค่คุณเอานมไปแช่เย็น แล้วนำเอามาล้างหน้า ก็จะช่วยทำให้ผิวหน้าสดชื่นดีค่ะ แต่ถ้าแต่งหน้าเป็นประจำก็ควรล้างตามด้วยโฟมล้างหน้าอีกทีนะคะ จะได้มั่นใจว่าสะอาดแน่นอน

เคล็ดลับผิวขาวที่จะทำให้คุณขาวได้ดั่งปรารถนา

ขอย้ำว่า คุณจะมีผิวขาวสวยสมใจได้ คุณต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด

1. หลบแแดด ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ใส่เสื้อแขนยาว กางร่ม ที่สำคัญ ห้ามขี้เกียจทากันแดดเด็ดขาด ควรทาก่อนออกจากบ้านประมาณ  30 นาที

2. สครับผิวเป็นประจำ เพื่อให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือเป็นตัวการทำให้ผิวคุณไม่สดใสถูกกำจัดออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม ควรทำอย่างน้อย อาทิตย์บะ 2-3 ครั้ง

3. ใช้ AHA บ้าง จะช่วยผลัดผิวหมองคล้ำได้ แต่ก็ควรระวัง ถ้าใช้มากเกินไป ผิวอาจแพ้หรือบางได้

4. หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว เช็ดตัวให้หมาดๆ แล้วชโลมครีมบำรุงผิว เพื่อให้ผิวเก็บความชุ่มชื่นจากครีมได้เต็มที่ และควรเป็นครีมที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง

ข้อแนะนำ ให้คุณทาออยล์ลงบนผิวก่อน ทิ้งไว้สักพักแล้ว ค่อยทาครีม ทำเป็นประจำทุกวัน เพียงแค่นี้ผิวคุณจะนุ่มเนียน สวยใสได้แล้ว

5. ควรเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อที่เวลานอนหลับ ผิวของคุณจะได้ทำการฟื้นฟูและซ่อมแซมได้อย่างเต็มที่

6. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว อันนี้น่าจะได้ยินกันบ่อยๆ อย่าลืมทำตามกันนะ

7. กินผักผลไม้และอาหารให้ครบ 5 หมู่

8. ขับถ่ายเป็นประจำ

9. พยายามเอามือไปจับหน้า เพราะวันๆ นึงมือของเราจับนู่นจับนี่มาตลอดทั้งวัน ถ้าจะจับหน้าก็ควรล้างมือ
ให้สะอาดก่อน เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดสิว

10. ทานวิตามินเสริมบ้าง

ทำทั้งหมดนี้ คุณก็จะมีสภาพผิวที่ดีขึ้น ขาวใส เนียนแน่นอนค่ะ

สูตร ลดรอยจุดด่างดำบนใบหน้า

สูตรลดริ้วรอยจุดด่างดำบนใบหน้า
จุดด่างดำบนใบหน้าที่เกิดหลังจากเป็นสิว เป็นสาเหตุให้ใบหน้าไม่ผ่องใส ก็มีวิธีที่ทำให้รอยดำเหล่านั้นจางออกไปจากใบหน้าได้เร็วขึ้นดังนี้

สูตร ลดรอยจุดด่างดำบนใบหน้า

1. มะเขือเทศ 1 ผลใหญ่
2. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา

วิธีทำ
นำมะเขือเทศมาคว้านเอาแต่เนื้อ ทิ้งเปลือกไป นำเนื้อที่ได้มาบดให้ละเอียด แล้วเทน้ำผึ้งลงไปผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออก

ผลลัพธ์
รอยจุดด่างดำจะค่อยๆจางลง เพราะมะเขือเทศมีกรดผลไม้ที่จะค่อยๆ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และน้ำผึ้งจะช่วยให้ผิวหน้าไม่แห้งตึง

ผิวสวยด้วยคอลลาเจน

คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังของร่างกาย

ซึ่งประกอบกันเป็นเครือข่ายชั้นผิวหนัง และเป็นโปรตีนสำคัญต่อความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด และช่วยสร้างความตึงกระชับให้ผิว โดยจะทำงานร่วมกับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อีลาสติน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน คือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากมลพิษต่างๆ เช่น บุหรี่ แสงแดด สารปนเปื้อนในอาหาร และจากการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุ

เมื่อขาดคอลลาเจน ผิวพรรณที่เคยสวยเต่งตึงจะเริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้น ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นลดลง

การเติมคอลลาเจนให้กับผิวเพื่อหวังผลในการชะลอริ้วรอย ในวงการแพทย์สามารถทำได้โดยการฉีดคอลลาเจนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนในเครื่องสำอางก็มีการนำคอลลาเจนไปผสม สังเกตได้จากฉลากที่ระบุส่วนผสมของ ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ อีลาสติน โปรคอลลาเจน เอเอชเอ 

นอกจากนั้นการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ
ซึ่งจะช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจน และช่วยลดการเกิดมะเร็งในร่างกายอีกด้วย สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูง ในการกำจัดอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรง ของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติน